-
ไฟฟ้ากระแสตรง ( Direct Current หรือ D .C )
- ไฟฟ้ากระแสสลับ ( Alternating
Current หรือ A.C. )
ไฟฟ้ากระแสตรง ( Direct
Current หรือ D .C )
เป็นไฟฟ้าที่มีทิศทางการไหลไปทางเดียวตลอดระยะเวลาที่วงจรไฟฟ้าปิดกล่าวคือกระแสไฟฟ้าจะไหลจากขั้วบวก
ภายในแหล่งกำเนิด
ผ่านจากขั้วบวกจะไหลผ่านตัวต้านหรือโหลดผ่านตัวนำไฟฟ้าแล้ว
ย้อนกลับเข้าแหล่งกำเนิดที่ขั้วลบ วนเวียนเป็นทางเดียวเช่นนี้ตลอดเวลา
การไหลของไฟฟ้ากระแสตรงเช่นนี้ แหล่งกำเนิดที่เรารู้จักกันดีคือ ถ่าน-ไฟฉาย ไดนาโม
ดีซี เยนเนอเรเตอร์ เป็นต้น
ไฟฟ้ากระแสตรงแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.1 ไฟฟ้ากระแสตรงประเภทสม่ำเสมอ (Steady
D.C) เป็นไฟฟ้ากระแสตรง อันแท้จริง คือ เป็นไฟฟ้ากระแสตรง
ที่ไหลอย่างสม่ำเสมอตลอดไปไฟฟ้ากระแสตรงประเภทนี้ได้มาจากแบตเตอรี่หรือ
ถ่านไฟฉาย
1.2 ไฟฟ้ากระแสตรงประเภทไม่สม่ำเสมอ ( Pulsating
D.C) เป็นไฟฟ้ากระแสตรงที่เป็นช่วงคลื่นไม่สม่ำเสมอ ไฟฟ้ากระแสตรงชนิดนี้ได้มาจากเครื่องไดนาโมหรือ
วงจรเรียงกระแส (เรคติไฟ )
คุณสมบัติของไฟฟ้ากระแสตรง
(1) กระแสไฟฟ้าไหลไปทิศทางเดียวกันตลอด
(2) มีค่าแรงดันหรือแรงเคลื่อนเป็นบวกอยู่เสมอ
(3) สามารถเก็บประจุไว้ในเซลล์ หรือแบตเตอรี่ได้
ประโยชน์ของไฟฟ้ากระแสตรง
(1) ใช้ในการชุบโลหะต่างๆ
(2) ใช้ในการทดลองทางเคมี
(3) ใช้เชื่อมโลหะและตัดแผ่นเหล็ก
(4) ทำให้เหล็กมีอำนาจแม่เหล็ก
(5) ใช้ในการประจุกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่
(6) ใช้ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์
(7) ใช้เป็นไฟฟ้าเดินทาง เช่น ไฟฉาย
ไฟฟ้ากระแสสลับ ( Alternating
Current หรือ A.C. )
เป็นไฟฟ้าที่มีการไหลกลับไป กลับมา
ทั้งขนาดของกระแสและแรงดันไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ คือ
กระแสจะไหลไปทางหนึ่งก่อน ต่อมาก็จะไหลสวนกลับแล้ว ก็เริ่มไหลเหมือนครั้งแรก
ครั้งแรกกระแสไฟฟ้าจะไหลจากแหล่งกำเนิดไปตามลูกศรเส้นหนัก
เริ่มต้นจากศูนย์ แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงขีดสุด
แล้วมันจะค่อยๆลดลงมาเป็นศูนย์อีกต่อจากนั้นกระแสไฟฟ้าจะไหลจากแหล่งกำเนิดไปตามลูกศรเส้นปะลดลงเรื่อยๆจนถึงขีด
ต่ำสุด แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงศูนย์ตามเดิมอีก
เมื่อเป็นศูนย์แล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปทางลูกศรเส้นหนักอีกเป็นดังนี้
เรื่อยๆไปการที่กระแสไฟฟ้าไหลไปตามลูกศร
เส้นหนักด้านบนครั้งหนึ่งและไหลไปตามเส้นประด้านล่างอีกครั้งหนึ่ง เวียน กว่า 1
รอบ ( Cycle
)
ความถี่ หมายถึง
จำนวนลูกคลื่นไฟฟ้ากระแสสลับที่เปลี่ยนแปลงใน 1 วินาที
กระแสไฟฟ้าสลับในเมืองไทยใช้ไฟฟ้าที่มี ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ซึ่งหมายถึง
จำนวนลูกคลื่นไฟฟ้าสลับที่เปลี่ยนแปลง 50 รอบ ในเวลา 1 วินาที
คุณสมบัติของไฟฟ้ากระแสสลับ
(1) สามารถส่งไปในที่ไกลๆได้ดี กำลังไม่ตก
(2)
สามารถแปลงแรงดันให้สูงขึ้นหรือต่ำลงได้ตามต้องการโดยการใช้หม้อแปลง(Transformer)
ประโยชน์ของไฟฟ้ากระแสสลับ
(1) ใช้กับระบบแสงสว่างได้ดี
(2) ประหยัดค่าใช้จ่าย และผลิตได้ง่าย
(3) ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการกำลังมากๆ
(4) ใช้กับเครื่องเชื่อม
(5)
ใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ไฟฟ้าได้เกือบทุกชนิด
ทิศทางการไหลของกระแส
การเกิดกระแสไหลในวงจรไฟฟ้าคือ
การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน
ดังนั้นในการกล่าวถึงการไหลของกระแสจึงหมายถึงอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ กระแสชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า กระแสอิเล็กตรอน (Electron
Current) มีทิศทางการไหลจากศักย์ไฟฟ้าลบ (-) ไปยังศักย์ไฟฟ้าบวก (+)
แต่ในบางครั้งการกล่าวถึงกระแสไหลอาจไม่ได้หมายถึงอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ แต่เป็นโฮล
(Hole) หรือรูเคลื่อนที่ กระแสชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า กระแสนิยม (Conventional
Current) มีทิศทางการไหลของกระแสจากศักย์ไฟฟ้าบวก (+)
ไปยังศักย์ไฟฟ้าลบ (-)
การที่โฮลหรือรูเคลื่อนที่ได้เพราะการเคลื่อนที่ไปของอิเล็กตรอน
ทำให้เกิดเป็นรูหรือช่องว่างขึ้นมานั่นคือเกิดโฮล
เมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามีผลให้เกิดโฮลเคลื่อนที่มาข้างหลัง มีทิศทางสวนทางกัน
การอธิบายทิศทางการไหลของกระแสจะพบได้ทั้งกระแสอิเล็กตรอนและกระแสนิยม ไม่ว่ากระแสจะไหลด้วยกระแสอะไรก็ตาม
ผลที่เกิดกับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือวงจรไฟฟ้าไม่แตกต่างกัน จึงกล่าวได้ว่าคือกระแสไหลเหมือนกัน ลักษณะการไหลของกระแสอิเล็กตรอนและกระแสนิยม
ที่มาของไฟฟ้าที่พวกเราใช้กัน
ที่มาของไฟฟ้ามาจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่
ทำหน้าที่ผลิดกระแสไฟฟ้า ส่วนใหญ่ใช้พลังจากแรงดันไอน้ำ
และแรงดันน้ำในการผลิตกระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าจะถูกส่งมาตามสายไฟฟ้าที่เป็นโลหะ
เข้าสู่บ้านเรือนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ
ส่วนประกอบของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าคือไดนาโมที่ประกอบด้วยเหล็กทองแดง
และแท่งแม่เหล็กและมีการเคลื่อนที่ในแนวตัดกันพลังงานที่ใช้ในการหมุนไดนาโมให้อุปกรภายในเคลื่อนที่ได้
คือแรงดันไอน้ำและแรงดันน้ำ
ประโยชน์ของพลังงานไฟฟ้า
- ให้ความร้อน
เช่น เตาไฟฟ้า เตารีดไฟฟ้า ฯลฯ
- ทำให้เกิดอำนาจแม่เหล็ก
เช่น กระดิ่งไฟฟ้า ออด ฯลฯ
- ทำให้เกิดแรงหรือพลังงานกล
ใช้แทนแรงงานคน เช่น มอเตอร์หมุนพัดลม
สว่าน ฯลฯ
- สามารถใช้ในด้านการอำนวยความอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน
โทษของพลังงานไฟฟ้า
แม้ไฟฟ้าจะมีประโยชน์แต่ก็มีโทษเช่นกันถ้าใช้ได้ถูกหลักก็จะไม่เกิดผลเสียที่ตามมา
จึงจำเป็นต้องมีการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการใช้ไฟฟ้าเพราะอุบัติเหตุจากไฟฟ้าอาจนำมาซึ่งการเสียชีวิตของผู้ใช้ได้นอกจากนี้การผลิตไฟฟ้าหรือการใช้ไฟฟ้าก็ยังสามารถทำให้เกิปัญหาสิ่งแวดล้อมได้